เฟเชียลออยล์ และ เซรั่ม แบบคลีนสกินแคร์ของ Panpuri

เป็นแบรนด์ไทยที่สกัด Facial Oil ออกมาได้ดีมาก ดู Clean Beauty มาก ๆ เลย คุณรู้ไหมว่า สิ่งที่เราทาเข้าไปบนผิวเรา สามารถซึมลงไปในผิวเราได้ถึง 60% เลย
ถ้าใครทา Skincare หลายขั้นตอนแบบชัย อาจจะต้องกลับมาคิดใหม่แล้ว อุ๊ยตายแล้ว
ถ้าเกิดมีการตกค้าง ก็คงตกค้างแบบเป็นคอนเทนเนอร์แล้วหล่ะ หลัง ๆ ชัยเริ่มสนใจสุขภาพมากขึ้น
ถ้ามีทางเลือกที่เป็น Clean Beauty ก็น่าสนใจ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ของ Organic Beauty Green Beauty , Eco Beauty , Natural Beauty มาแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายแบรนด์นะครับ
มีการขยับขึ้นไปเป็น Vegan , Gluten-Free
แต่ล่าสุดเหนือสิ่งอื่นใด ณ ตอนนี้ก็คือ Clean Beauty Organic เขาเน้นใช้ส่วนผสมที่มาจากการเพาะปลูก ที่ไม่ใช้สารเคมี ในการเพาะปลูก Clean Beauty จะ Concern มากขึ้นไปกว่านั้น ตรงที่ว่าไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมนะครับ
แล้วก็ไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วย คือ Clean Beauty ไม่ทำร้ายใครเลยเอาอย่างนี้ดีกว่า Concept ง่าย ๆ ของ Clean Beauty ก็คือ เราสวย โลกสวย และก็ต้องปลอดภัยด้วย ทุกวันนี้เปิดประตูออกจากบ้านก็ร้อนผ่าวเข้ามาแล้ว โลกมันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งฝุ่นควันอะไรต่าง ๆ สารเคมีตกค้าง ที่มากับ Skincare บางทีตกค้างอยู่ที่ผิวเรา ซึ่งก็อาจจะก่อให้เกิด ผลเสียกับสุขภาพผิว แล้วก็สุขภาพร่างกายของเราในระยะยาว คืออาจจะไม่ได้เห็นผล วันนี้ พรุ่งนี้หรอกนะครับ
อันนี้คือกับเราก่อนนะ
ถ้าเป็นกับโลกและสิ่งแวดล้อม เกิดอะไรขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ เม็ดบีดส์ หรือไมโครบีดส์ ที่อยู่ในรูปของสครับ
นั่นแหละ ซึ่งเม็ดบีดส์เหล่านี้ บางทีไม่ใช่เม็ดบีดส์ธรรมชาตินะครับ
เป็นเม็ดบีดส์ที่เป็นพลาสติก คุณคิดภาพเม็ดบีดส์เหล่านี้ เวลาที่เราชะล้างออกไปแล้ว ลงสู่ทะเลปุ๊บ สัตว์น้ำมากิน ซึ่งไมโครบีดส์ เหล่านั้นก็มาสะสมอยู่ในแหล่งอาหาร จากท้องทะเล ที่เรารับประทานเข้าไป ก็แน่นอน ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วยเช่นกัน แล้วก็มีอีกตัวอย่างนึงนะครับ
ก็คือ Chemical Sunscreen เวลาที่เราลงไปว่ายน้ำในทะเล ก็จะเกิดเป็นฟิล์มลอยอยู่ในน้ำทะเลเลย ก็จะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศวิทยา โดยเฉพาะพวกปะการังต่าง ๆ ก็จะทำให้ปะการังตาย หลายประเทศที่เขาใส่ใจเรื่องนี้ เขาก็มีการแบน Chemical Sunscreen ไปแล้ว ฉะนั้น Clean Beauty ก็มาตอบโจทย์ตรงนี้นั่นเอง มาคิด ๆ ดูแล้ว สิ่งที่เราทาไปบนหน้า แล้วพอเวลาเราล้างออก มันไม่ได้ล้างออกแล้วจบนะฮะ ล้างออกแล้วนางก็ไหลลงไปสู่ทะเล ลงไปสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ แล้วก็ไปสะสมอยู่ในแหล่งอาหาร ที่เรากินจากท้องทะเล แล้วก็กลับมาสู่ร่างของเรา คิดไปคิดมา ก็เริ่มดูน่ากลัวเหมือนกันนะฮะ มีแบรนด์ไทย แบรนด์นึงนะครับ
ก็คือ PAÑPURI เป็นผู้นำในเรื่องของ Clean Beauty ในประเทศไทย PAÑPURI เริ่มมาจากเป็น Natural Organic ดูแลผิว Skincare อะไรต่าง ๆ มาก่อน ตอนนี้ PAÑPURI ขยับก้าวเข้าสู่การเป็น Clean Beauty อย่างเต็มตัว Clean Beauty ของ PAÑPURI นะครับ
มีหลักการ 3 อย่าง ก็คือ Good , Effective , Necessary Good ก็คือ ใช้เฉพาะส่วนผสมที่ดี ดีอย่างเดียวไม่พอนะครับ
ต้องมีประสิทธิภาพ คือ Effective ด้วย และที่สำคัญที่สุด เขาจะเลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ เขาจะใส่เข้าไปทำไมคะ
ถ้ามันไม่จำเป็น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ นะครับ
สมมติว่า คิดสูตรผสมอะไรมาเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า อุ๊ย กลิ่นไม่หอมทำยังไงดี Skincare บางชิ้นเขาก็จะใส่น้ำหอมเข้าไปเลย เพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ อะไรต่าง ๆ อันนี้คือสิ่งที่ไม่จำเป็น ซึ่ง Clean Beauty ไม่ใช้วิธีการแก้ปัญหา ด้วยวิธีแบบนั้นนะครับ
เขาก็จะใช้วิธีการ คัดสรรส่วนผสม เพื่อให้ได้กลิ่นที่ดีที่สุด ฉะนั้น ขั้นตอนจะมีความละเอียดอ่อนมากกว่า เรื่องความ Clean คุณสามารถดูได้จาก มาตรฐานที่เรียกว่า ZERO LIST ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ PAÑPURI นั่นเองนะครับ
ซึ่งมีสารเคมีต้องห้าม ที่ PAÑPURI วางมาตรฐานเอาไว้ ถึง 2,300 ชนิด ที่เขาจะไม่ใส่ลงไป อย่างในอเมริกา มีสารเคมีต้องห้ามถึง 12 ชนิด ในญี่ปุ่น มีสารเคมีต้องห้าม 56 ชนิด ในเกาหลี มีสารเคมีต้องห้าม 1,880 ชนิด
ถ้าเป็นสหภาพยุโรป มีสารเคมี 1,584 ชนิด ที่เขาห้ามใส่
แต่ PAÑPURI แบรนด์ไทยที่เลอค่ามาก ๆ วางมาตรฐาน ZERO LIST ไว้ถึง 2,300 ชนิด ก็คือรวมเอาของทุกประเทศ แล้วก็เพิ่มของตัวเอง มาตรฐานของตัวเองเข้าไปอีก แม้สารเคมีบางอย่าง ที่อาจจะยังไม่เคยถูกแบน

แต่…

ถ้ามีความเป็นไปได้นะครับ
ว่าอาจจะส่งผล ต่อสุขภาพแล้วก็สิ่งแวดล้อม แม้จะยังไม่มีการยืนยัน 100% นะครับ

แต่ PAÑPURI เขาเชื่อว่า ปลอดภัยไว้ดีกว่า ฉะนั้น เขาก็จะจัดเข้าไปอยู่ใน ZERO LIST เลยทันที ถึงได้มีมากถึง 2,300 ชนิด เชื่อชัย หลายคนอาจจะสงสัยนะครับ
ว่า
ถ้าเกิดไม่ใช้ Paraben แล้วเครื่องสำอางของเรา หรือ Skincare ของเรา จะไม่หมดอายุเร็วเหรอคะ คือจริง ๆ แล้วมีสารอื่น ๆ ในธรรมชาติ ที่สามารถทดแทนกันได้ ทาง PAÑPURI เขาเลือกที่จะใช้สารสกัดจาก Berry ซึ่งมีประสิทธิภาพเหมือนกันเลย ในการคงประสิทธิภาพของ Skincare เอาไว้ นอกจากนั้นตัว PEGs ซึ่งเป็นตัวทำละลายน้ำกับน้ำมัน ซึ่งเป็นสารที่สกัดมาจากพลาสติก PAÑPURI เขาก็เลือกที่จะใช้สารสกัดจาก Wax หรือ Oil จากกรดไขมันมะพร้าว มาทดแทนนะครับ
เพื่อที่จะทำหน้าที่เชื่อมประสาน ระหว่างน้ำกับน้ำมัน และช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื่นด้วย นี่ก็เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายว่า มีทางเลือกอื่น ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ส่งผลเสียต่อผิวของเรา และสุขภาพของเราในอนาคต เชื่อชัย ฟังกันมาสักพักนึงแล้ว ก็อยากจะรู้ว่า แล้วอะไรล่ะ ที่ควรจะลอง ที่ PAÑPURI ก็มี Collection ของ PAÑPURI ที่ชัยชอบมากก็คือ LOTUS DEFENSE™ ซึ่งเป็น Collection ที่ช่วยให้ผิวของเราสว่าง กระจ่างใส ด้วยพลังของสารสกัดจากดอกบัว ซึ่งเป็นดอกบัว Organic ตัวที่ชัยชอบมาก ๆ เลยนะครับ
ก็คืออันนี้ เคยรีวิวไปนานมากแล้ว LOTUS DEFENSE™ FACE TREATMENT OIL เป็นแบรนด์ไทยที่สกัด Facial Oil ออกมาได้ดีมาก คือชัยเคยบอกไปหลายครั้งแล้วนะครับ
ว่า Facial Oil เป็น Skincare Routine ที่จำเป็นเหมือนกัน โดยเฉพาะ
ถ้าใครที่ผิวแห้งนะครับ

แต่งหน้าไม่ติด ผิวขาดความชุ่มชื่นนะครับ
คือบางครั้ง ครีมข้นแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ โดยเฉพาะ
ถ้าใครที่มีอายุมากขึ้นแล้ว ซึ่งอันนี้ก็เป็น Facial Oil อีกชิ้นนึงที่ชัยว่าดีมาก ๆ เลย ดูสิว่าเนื้อ Oil มีความบางเบานะครับ
แล้วกลิ่น ก็เป็นกลิ่นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นกลิ่นสะอาดด้วยนะฮะ คือหลายคนอาจจะมองว่า อุ๊ย PAÑPURI เป็นแบรนด์แบบสปา
แต่จริง ๆ แล้ว Skincare สำหรับใบหน้า ของ PAÑPURI ใช้ดีมาก โดยเฉพาะ LOTUS DEFENSE™ Collection อันนี้นะครับ

ถ้าคุณจะเริ่มจาก Skincare ของ PAÑPURI นะ สำหรับใบหน้านะ ชัยแนะนำเลยว่า ให้เลือกเป็นตัว Oil นี้ก่อนเลยนะครับ
กับอีกชิ้นนึง เป็นชิ้นที่ขายดีคู่กันเลยนะครับ
ก็คือ LOTUS DEFENSE™ BRIGHTENING SERUM BRIGHTENING SERUM ขวดนี้นะครับ
อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมสำคัญหลายอย่างมาก ตั้งแต่ สารสกัดจากดอกบัว Organic ช่วย Antioxidant แล้วก็มีสาหร่ายทะเลสีแดง ช่วย Antioxidant ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมี Dandelion นะครับ
ช่วย Anti-Pollution แล้วก็มี Arbutin ช่วยให้ผิวของเราสว่างกระจ่างใสขึ้น ลดการผลิตเม็ดสีในชั้นผิว ช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื่น เนียนนุ่มขึ้น เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ผิวก็จะดูสุขภาพดีขึ้นนะครับ
สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้นนั่นเอง เนื้อก็บางเบานะฮะ เป็นกลิ่นที่มีความเป็นสปา เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ดู Clean Beauty มาก ๆ เลยนะฮะ ทุกอย่าง Product ดีไซน์ออกมาสะอาดเรียบร้อย ดูเป็นแบบ โลกสวย เราสวยด้วยอะไรอย่างนี้นะฮะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นนะครับ
ทาง PAÑPURI เขาแนะนำว่า ใช้ BRIGHTENING SERUM ลงไปก่อนเลยนะครับ
เพื่อจะได้ลงไปทำงานที่ ในกระบวนการผลิตเม็ดสีผิว ตัว Oil ให้มาใช้เป็นเหมือน Moisturizer เคลือบผิว ล็อกความชุ่มชื่นเอาไว้ด้านบน ฉะนั้น ล้างหน้าเสร็จ มีน้ำตบลงน้ำตบนะครับ
แล้วเริ่มด้วย BRIGHTENING SERUM แล้วก็ตามด้วย Oil ขวดนี้ LOTUS DEFENSE™ BRIGHTENING SERUM ได้รางวัลจาก Pure Beauty Awards ในสาขา BEST PREMIUM SKIN CARE Pure Beauty Awards เป็นรางวัลจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีหลายประเทศนะครับ
ส่ง Skincare เข้าไปประกวด BRIGHTENING SERUM ขวดนี้ของ PAÑPURI เป็นชิ้นเดียวจากประเทศไทย ที่ได้รางวัลอันดับ 1 เลย ในฐานะ BEST PREMIUM SKIN CARE เชื่อชัย สำหรับ Skincare Collection LOTUS DEFENSE™ ของ PAÑPURI จริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 12 Step เลย

แต่…

ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะลองเริ่มก่อน ชัยแนะนำ 2 ชิ้นนี้ LOTUS DEFENSE™ BRIGHTENING SERUM 30 ml. ราคา 2,950 บาท แล้วก็ LOTUS DEFENSE™ FACE TREATMENT OIL 30 ml. ขวดละ 2,600 บาท
ถ้าใครกำลังมองหา Skincare สำหรับซัมเมอร์นี้ ใครเป็นสาย Clean Beauty สาย Concern สุขภาพ สนใจสิ่งแวดล้อม ก็อยากให้ลอง PAÑPURI ดูนะครับ
เพราะว่าเขาเป็น Clean Beauty ของแท้ เชื่อชัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *